Want to Trade Easier???

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

คำถามเหล่านี้ ท่านควรจะถาม โบรคของท่าน เพื่อให้แน่ใจว่า ท่านเลือกโบรคถูกครับ

เมื่อวันก่อนที่ผมแนะนำให้ ท่าน อย่าเพิ่งฝากเงินเข้าโบรค ไม่ว่าจะเป็นโบรคไหนก็ตาม เนื่องจากว่าผมอยากให้ท่าน แน่ใจว่า โบรคที่ท่านจะใช้บริการนั้น ไว้ใจ ได้มากน้อยแค่ไหน แนะนำว่า อย่าเพิ่งลงทะเบียนกับโบรคไหนๆก็ตามจนกว่า เค้าจะตอบคำถามเหล่านี้นะครับ คุยผ่าน chat log จะดีกว่าครับ
ผมได้รวบรวมคำถาม ที่ท่านควรจะถาม ทางโบรคที่ท่านจะใช้ บริการ ดังนี้ครับ
คำถาม
1) What is the minimum deposit?
(ยอดฝากเงินขั้นต่ำเท่าไร?)



2) What is the minimum amount per trade?
(เปิดเทรดขั้นต่ำเท่าไร?)



3) Are there any turnover that I have to make before I can withdraw?
(ในการที่เราจะถอนเงินออกมาได้ เราต้องทำยอดการเทรดขั้นต่ำมั้ย?)

- โบรคที่ดี ไม่ควรจะมี Turnover นะครับ เพราะถ้า เพราะมันเป็ฯเงินของเรา ที่เอาไปลงทุน ดังนั้นเรามีสิทธิ ที่จะถอนเมื่อไรก็ได้ ถ้าหากว่า เราต้องมาทำยอดการเทรด เพื่อให้ สามารถถอนเงินออกมาได้ ผมว่าโบรคนั้น เอาเปรียบเราละครับ
ตัวอย่าง: มีโบรคบาง โบรคที่ต้อง ทำ Turnover 100% แล้วท่านถึถงจะถอนเงินได้ สมมุติว่า ท่านฝากเงินเข้าไปที่ $300 Turnover 100% แปลว่า ท่านต้องทำยอดการเทรด ให้ครบ $300 แล้วจึงถอนเงิน ได้ ถ้าท่านเจอโบรคแบบนี้ อย่าใช้บริการเด็ดขาดครับ เพราะ โบรคนั้นเอาเปรียบท่านอย่างมาก
ดังนั้นโบรคที่ดี ต้องไม่มี Turnover ครับ


4) Can I make withdraw at anytime without any requirement?
(เราสามารถถอนเงินได้ ตลอดโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ใช่มั้ย?)
โบรคที่ดี ควรจะถอนได้ตลอดทุกเวลา โดยไมท่มีเงื่อไขครับ
ปล. อย่ารับ Bonus และ Risk Free Trade ไม่ว่า กรณีใดๆก็ตามนะครับ เพราะ มันจะทำให้ท่านมีปัญหาเรื่องการเบิกเงิน



5) How long it will take for the money to show up in my bank account after I withdraw?
(จะใช้เวลานานแค่ไหนหลังจากที่เรา ถอนเงินออกจาก บัญชีเทรด จนมาถึง บัญชีธนาคารของเรา)

6) How long it will take for the broker to approve my withdrawal request and what I have to use in the withdrawal process?
(ในขั้นตอนของการถอนเงิน เราต้องใช้อะไรบ้าง และ จะใช้เวลานานเท่าไร ถึงจะ อนุมัติการถอน?)


7) Are there any withdrawal fee?
(มีค่า ธรรมเนียม ในการ ถอน รึเปล่า?)


8) What are the deposit and withdrawal methods you provided?
(เราสามารถ ฝาก และ ถอนเงินด้วยวิธีไหนบ้่าง?)



9) How long it will take for my deposited money to appear in my trading account?
(หลังจากที่ฝากเงินเข้าไปแล้ว จะใช้เวลานานแค่ไหนที่ เงินจะเข้าไปใน บัญชีเทรดของเรา)

10) How often I can withdraw my money?
(เราสามารถถอนเงินได้บ่อยแค่ไหน ?)
ปล. โบรคที่ดี ต้องให้เราถอนเมื่อไรก็ได้

11) What is the minimum withdrawal amount?
(จำนวนขั้นต่ำในการถอน คือ เท่าไร?)

12) Suppose If I deposited and I made the first trade and ended up WINNING, Can I withdraw my profit straight away?
(สมมุติว่าเราฝากเงิน แล้ว เราเปิด เทรดแรก แล้ว ชนะ เราสามถ ถอนกำไร ได้เลยมั้ย?)
ปล. โบรคที่ดีควรจะตอบว่า ...ได้....


ข้อแนะนำเพิ่มเติม

1) พนักงานที่ท่าน ถามคำถาม ต้องแนะนำตัว !!!!!

2) ถุ้าหากท่านถามคำถามไป แล้วทางโบรคไม่ยอมตอบกลับ โบรคนั้นไม่ใช่ที่ๆ น่าใช้บริการ เนื่องจากว่า มันดูหลบซ่อน

3) ถ้าหากานถามคำถามไปแล้ว ทางโบรค ถามท่านกลับมาว่า
"ท่านเปิดบัญชีกับเรารึยัง?" แล้วท่านตอบว่า "ไม่" แล้ว เค้าไม่ตอบคำถามเราต่อ อย่าใช้โบรคนั้นเลยครับ เค้าไม่ตรงไปตรงมากับเรา

4) ในกรณีที่ท่านเปิดบัญชีกับโบรคไหนก็ตามแต่ แล้ว มีพนักงาน ทางโบรคโทรมา ให้ท่าน ใส่เงินเข้าพอร์ต ในกรณีที่ท่านไม่พร้อม ให้ตอบไปว่า
"I will deposit whenever I'm ready to do so. Please stop rushing me. Once I deposited you will be surely noticed."
(เราจะฝากเงินก็ต่อเมื่อเราพร้อมที่จะฝาก ดังนั้นอย่ามาเร่ง ฝากเมื่อไรเดี๋ยวก็เห็นเองแหละ)
ปล. มันอาจจะฟังดูแรงนะครับ แต่พนักงานโบรคพนี้ ถ้าท่านไม่ตอบกลับไปแบบนี้ มันจะโน้มน้าว ท่านต่อไปเรื่อยๆ

5)ถ้าหากว่าท่าน ไม่คล่อง ภาษาอังกฤษ ทุกครั้งที่ ทางพนักงาน ทางโบรค ไม่ว่าจะโบรคไหนก็ตาม โทรมาหาท่าน ให้ท่านตอบกลับไปเลยว่า
" E-Mail Please !!!! "


6) ถ้าหาก ท่านฝากเงินแล้วเข้่าไปใน บัญชีเทรด แล้ว เห็นว่า มีจำนวนเงินมากกว่าที่ท่านฝาก บอกเลยนะครับ "อย่าเทรดโดยเด็ดขาด" เพราะมันคือ Bonus แฝง
วิธี้แก้ คือ ให้ chat หรือ E-mail ไปบอกเค้าว่า ให้เอาเงินส่วนเกิน ออกไป เพราะเราไม่ต้องการโบนัส เราจะเทรดเท่าที่เราฝาก

7) ถ้าหากว่า Account Manager นำเสนอ Bonus หรือ Risk Free Trade ให้กับท่าน แนะนำว่า ให้ ปฎิเสธ ไปตรงๆเลยนะครับว่า "I don't want risk free trade or bonus"
หลังจากที่ทานถามคำถามทั้งหมดแล้ว SAVE CHAT LOG เก็บไว้ด้วยนะครับ

******** ในเรื่องของการตอบ E-Mail ถ้าหากท่านใดไม่คล่อง ภาษาอังกฤษ Inbox หรือ ส่งเมล์มาที่
biopso.thai@gmail.com มาหาผมได้เลยครับ ผมจะช่วย เรียบเรียงให้ครับ** *****
นี่ก็ คือ ทั้งหมด ที่ผมเคยเจอกับตัว มา และเท่าที่นึกออกนะครับ ถ้าหากมีอะไรเพิ่มเติม ผมจะ update เพิ่มนะครับ

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Economic Calendar กับการเทรด Binary Options


นอกจากปัจจัยทางเทคนิค ที่จะทำให้เรา สามารถเลือกจุดเข้าเทรด และ ตั้งเวลาจบสัญญาที่เหมาะสมแล้ว เรายังจำเป็นที่จะต้องใช้ ปัจจัยพื้นฐาน หรือ ข่าวเศรษฐกิจโลก เพื่อเติมเต็ม ในการเทรด Binary Option ให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ดังนั้นมีความจำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องใช้ เวลาเทรด Binary Option
 Economic Calendar เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับ เพราะข่าวแต่ละข่าวที่ออกมาใน Economic Calendar      จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ และ การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินนั้นๆครับ 

 
  •  www.forexfactory.com
  • www.investing.com/economic-calendar/
เริ่มต้นลงทุนในไบนารี่ออปชั่น คลิ๊กที่นี่เลยครับ


  Application ในมือถือที่แนะนำสำหรับ Economic Calendar
  • FX Wingman
  • FX Calendar
  • NetDania
  • Investing.com
  • Forex News
  • Bloomberg


การใช้ Economic Calendar ใน Forex Factory

หลังจากที่เราเข้าเว็ป www.forexfactory.com เราจะได้เจอกับ Economic Calendar ตามที่ปรากฎอยู่ด้านล่างนี่ครับ


สิ่งที่เกิดขึ้นใน Economic Calendar นี้ จะส่งผลต่อ กราฟ ราคาโดยตรงทันทีที่มีการประกาศข่าวออก แต่ว่าราคาจะวิ่งเยอะ ผันผวน เยอะ หรือ น้อยนั้น ขึ้นอยู่กับ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากข่าว โดยเราสามารถรู้ความรุนแรงของข่าวได้ด้วย แถบที่เรียกว่า Impact


 ข่าวนั้นจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินค่อนข้าง     น้อย           !



 ข่าวนั้นจะส่งผลกระทบต่อค่าเงิน               ปานกลาง      !!


ข่าวนั้นจะส่งผลกระทบต่อค่าเงิน              มาก           !!!


สิ่งที่เราควรจะใส่ใจมากที่สุด คือ ข่าว   เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นจากข่าว จะทำให้กราฟสวิง และ ผันผวนอย่างมาก คำแนะนำ สำหรับ BO Trader หน้าใหม่ไฟแรง คือ อย่าเทรดในช่วงข่าวออก 1 ชม นะครับ

จากรูปด้านล่าง จะเป็นตัวอย่างของกราฟ EUR/USD ตอนก่อน และ หลังข่าว ออกครับ


จากภาพด้านบนเราจะสังเกตเห็นได้ทันทีเลยว่า ก่อนที่ข่าว  จะออก ราคาของ EUR/USD นั้นค่อนข้างจะเคลื่อนไหนอย่างซบเทรา แต่เมื่อข่าวออก เราจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าราคานั้นมี ความผันผวนค่อนข้างมากในช่วงนั้น พอเวลาผ่านไปราวๆ 1 ชม ตลาดนั้นจะเริ่มกลับมา ซบเทรา ตามเดิมครับ 

จะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเลขของข่าวที่ออกมา จะส่งผลกระทบต่อ สกุลเงินอย่างไร?

สื่งที่จะบ่งบอกว่า ราคาจะวิ่งไปทางไหนในช่วงข่าวออก คือ ตัวเลขทางขวา ใน Economic Calendar ครับ
เราจะเห็นว่า มีข้อมูลทั้งหมด  3 อย่าง

1) Actual: ตัวเลขจริงที่ประกาศ

2) Forecast: ตัวเลขที่
คาดการณ์ไว้ โดยนักวิเคราะห์จากสำนักข่าว                           และ นักวิเคราห์การเงิน

3) Previous: ตัวเลขจริงที่ประกาศ เมื่อครั้งก่อน



จากรูปด้านบน เราจะสังเกตุเห็น ตัวเลขสีแดง  ตัวเลขสีเขียว และ ตัวเลขสีดำ  ใน Economic Calendar 

สิ่งที่เราจะทำคือ ให้ ดูสี และ ค่าของเลข Actual ไปเทียบกับ Forecast และ Previous

Actual = เป็น สีเขียว จะส่งผลให้สกุลเงินนั้น แข็งขึ้น และ กราฟ                         สกุลเงินนั้น จะ ขึ้นActual = เป็น สีแดง จะส่งผลให้สกุลเงินนั้น อ่อนลง และ กราฟสกุล                  เงินนั้น จะ ลง

Actual = เป็น ดำ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน สกุลเงินนั้นๆ

ส่วนเราจะรู้ได้อย่างไรว่าราคาในกราฟจะวิ่งรุนแรงแค่ไหน?

เราต้องนำค่า Actual  Forecast และ Previous มาเปรียบเทียบกัน

Actual > Forecast: จะส่ง ผลดี ต่อสกุลเงินนั้น และ จะทำให้                                                สกุลเงินนั้น ขึ้น

Actual < Forecast: จะส่ง ผลเสีย ต่อสกุลเงินนั้น และจะ ทำให้
                               สกุลเงินนั้น ลง

Actual = Forecast: จะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ต่อสกุลเงินนั้นๆ 

ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นในรูปแบบนี้ 

!!! ยกเว้นแต่ Unemployment Rate เท่านั้น !!! จะเป็นดังต่อไปนี้



Actual < Forecast: จะส่ง ผลดี ต่อสกุลเงินนั้น และ จะทำให้                                                สกุลเงินนั้น ขึ้น

Actual > Forecastจะส่ง ผลเสีย ต่อสกุลเงินนั้น และจะ ทำให้
                               สกุลเงินนั้น ลง

!!!!! สำหรับ Unemployment Rate เท่านั้นนะครับ !!!!!


เรื่องของคู่เงิน กับ ผลกระทบจากข่าว

ท่านสามารถ ย้อนไปดูรายละเอียดใน เรื่องของคู่สกุลเงินเบื้องต้น ได้ โดยการ  คลิกที่นี่ได้เลยครับ

เราจะมาทบทวน รายละเอียดคร่าวๆ ในเรื่อง ของ สกุลเงินหลัก กับ สกุลเงินอ้างอิง ตามภาพด้านล่างได้เลยครับ 

Base Currency VS Quote Currency 



จากความรู้เรื่องนี้ เราสามารถเข้าใจได้ว่า ทุกครั้งที่ข่าวออก จะส่งผลกระทบต่อ สกุลเงินไหน และ จะทำให้สกุลเงินนั้น เดินทางอย่างไร
เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ กับข่าวได้ ดังนี้ครับ


จากรูปแรก ข่าวที่เราจะพูดถึงใน สถานการณ์นี้ คือ Non-Farm Payrolls ซึ่งหมายถึงอัตตราการว่างงานของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งข่าวนี้ มีผลกระทบโดยตรงกับ สกุลเงิน USD เมื่อเราเลือกดูกราฟของคู่ สกุลเงินที่ USD เป็น สกุลเงินหลัก 
เช่น USD/JPY       USD/CAD       USD/CHF

ผลที่ออกคือ  Actual < Forecast และ เป็นสีเขียว คือจะส่งผลดีให้กับ สกุลเงิน USD 
(!!! ถ้างงกลับไปอ่านข้างบนที่ย้ำเรื่อง Unemployment ดูนะครับ !!!)
จึงส่งผลให้ กราฟของ คู่เงิน USD/CAD พุ่งทะยานขึ้นอย่างหนัก
เหมาะแก่การซื้อ CALL เป็นอย่างยิ่ง


แต่ในทางกลับกัน ในคู่เงิน EUR/USD ในสถานการ์ณนี้ USD เป็นสกุลเงินอ้างอิง ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจึงส่งผลให้กราฟ EUR/USD ดิ่งลงเหมือนก้อนหินจมน้ำครับ
เหมาะแก่การซื้อ PUT เป็นอย่างยิ่ง


                 เริ่มต้นลงทุนในไบนารี่ออปชั่น คลิ๊กที่นี่เลยครับ

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ไบนารี่ออปชั่น กับ การพนัน (Is Binary Options Gambling?)

ไบนารี่ออปชั่น กับ การพนัน (Is Binary Options Gambling?)


ก่อนที่เราจะตอบคำถามว่า ไบนารี่ออปชนั่นเป็นการพนันหรือไม่นั้น เรามาแยกแยะกันก่อนดีกว่า การพนันที่คนส่วนใหญ่ในโลกเล่นกันนั้น มีรูปแบบไหนกันบ้าง


  • การพนันในรูปแบบคาสินโน (Casino Games)
  • การพนันกีฬา (Sport Betting)
  • การเล่นโปรเกอร์ (Poker & Texas Hold'em)


1)  การพนันในรูปแบบคาสินโน (Casino Games)

การเล่นการพนันที่อยู่ในคาสิโน หรือ บ่อน นั้นไม่มีความเหมือนกับการเทรด Binary Option เลยแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากว่าในการพนันในคาสิโนนั้น เราจะได้ผมตอบแทนจากการใช้ ความน่าจะเป็นกับเกมนั้นๆ หรือ พูดง่ายๆคือ ดวงล้วนๆนั่นเอง ซึ่งถ้าพูดถึงความเป็นไปได้ในการเล่นการพนันนั้น คือ 50%-50% 
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วในการเล่นการพนันใบคาสิโนนั้น ผู้เล่นอย่างเราจะเสียเปรียบ เนื่องจากว่า บ่อนมักจะติดตั้งระบบเอาไว้เพื่อให้ผู้เล่นเสียซะส่วนใหญ่ จึงเป็นที่มาของประโยคที่ได้ยินกันบ่อยๆ คือ.

" The House always win "

2)  การพนันกีฬา (Sport Betting)

การพนันกีฬานั้น เป็นการพนันที่คนมักเล่นกันบ่อยๆ โดยเฉพาะใน Internet ซึ่งหลายๆคนมักจะมองว่ามันคล้ายคลึงกับการเทรด Binary Option คือ เหมือนกับเรากำลังจะ แทงว่า ราคา คู่เงินนี้ 
(เช่น EUR/USD) จะขึ้น หรือ จะลง  ซึ่งหลายๆคนอาจจะมองว่า มันก็เหมือนกับการพนันกีฬา สมมุติว่า กีฬาฟุตบอล เป็นตัวอย่างนะครับ ว่าเราจะพนันว่า ทีม A  จะทำประตูได้มากกว่า 1, 5 ประตู เมื่อแข่งกับ ทีม B ถ้าหากทีม A ชนะที่ 2 ประตูหรือมากกว่า เราจะชนะพนัน แต่ถ้าไม่ เราจะแพ้พนัน ซึ่งมันก็คล้ายกับการเทรด Binary Option คือ กำไร กับ ขาดทุน / ชนะ กับ แพ้ นั่นเอง

ในการแข่งขันฟุตบอล ผู้ที่ชำนาญในการแทงพนัน จะศึกษารายละเอียดของแต่ละทีมมาเป็นอย่างดี รวมถึงประวัติของข้อมูลในอดีตของแต่ละทีมเพื่อดูว่า ทีมไหนมีโอกาสชนะมากกว่ากัน  ก่อนที่ จะเลือกแทง เช่น ถ้าทีมนึงมีสถิติการชนะ 12 ครั้งติดต่อกัน จากการแข่งขัน 12 ครั้ง นั่นแปลว่าทีมนั้น มีกลยุทธ์ของทีม และ ทักษะของผู้เล่นที่ดี แต่ถ้าหากว่า ทั้ง 2 ทีมนั้น มีการเสมอกันมาหลายๆครั้งติดกัน นักพนันก็มักจะจับตามองรายละเอียดอื่นๆ เช่น ในทีมมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง? ผู้เล่นในทีมบาดเจ็บบ่อยไหม? มีการซื้อตัวนักเตะใหม่ๆเข้าทีมเยอะหรือเปล่า? 

ในการพนันกีฬา ถ้าหากเรารู้รายละเอียดเบื้องลึกเยอะ และ เร็ว กว่าที่คนส่วนใหญ่รู้ เราสามารถตัดสินใจเลือกแทงได้ง่ายขึ้น ซึ่งเราต้องว่องไวในการเข้าแทงก่อนที่คนส่วนใหญ่ จะได้รับรู้ข้อมูลเบื้องลึกที่เรารับรู้มาก่อน อีกทั้ง ในการพนันกีฬาเราสามารถที่จะขาย การแทงทิ้ง เพื่อให้ได้กำไรส่วนต่างกลับมา

การกระทำดังกล่าวนั้น ไม่ต่างอะไรจากการซื้อขายหุ้น ซึ่งเมื่อหุ้นราคาขึ้น เราสามารถขาย และ เก็บกำไรกลับมาได้ และ เราก็สามารถ ขายตัดขาดทุน (Stop Loss) เวลาที่ตลาดหุ้นไปผิดทาง

สมมุติว่า ร้านเสื้อผ้าหรูในห้างดังๆ ขายกางเกง ตัวละ 40,000 บาท คนเมื่อมีคนเข้าไปซื้อ บริษัทนั้นทำกำไรส่วนต่างค่อนข้างมาก เนื่องจาก สถานที่นั้นหรูหรา แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราไปเจอกางเกงแบบเดียวกัน อยู่ที่ Outlet ในราคา 2,000 บาท และ เมื่อลูกค้าท่านอื่นก็รู้
เหมือนที่เรารู้ว่า ราคาที่ขายในห้างหรูนั้น แพงเกินเหตุ มันจะส่งผลต่อราคาหุ้นของบริษัท กางเกงนั้นทันที เมื่อข่าวนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ เนื่งจากว่าผู้ถือหุ้น และ นักลงทุนทั้งหลายต่างพากัน หมดความเชื่อถือใน บริษัท กางเกง นี้ เราจึงสามารถบอกได้ว่า ราคาหุ้นของบริษัท กางเกงนี้ที่เคยขึ้นสูงในก่อนหน้านี้ เกิดจากการปั่นก็เป็นได้

แน่นอนละครับ ไม่มีใครที่สามารถรู้อนาคตได้ เพียงแต่เราสามารถคาดการ์ณได้ จากความรู้สึก ข้อมูลในอดีต แต่ตัวแปรต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น เราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าครับ 




เหตุผลที่ Binary Option นั้นดีและน่าสนใจกว่า การพนันกีฬา คือ เราสู้กับตลาดทุน ไม่ได้สู้กับ เจ้ามือ  (ฺBetting Against Financial Markets) ซึ่งเราสามารถหา สินทรัพย์ งามๆแล้วเข้าเทรดไปกับมัน โดยไม่มีข้อจำกัด  แต่ในการพนันกีฬา คนที่ชนะพนันบ่อยๆ อาจโดนห้ามไม่ให้เข้ามาเล่นอีก หรือ ถ้าหากเราอยากจะพนันกีฬา แต่ทุนไม่หนา เราอาจจะโดนเจ้ามือ ไล่ ก็เป็นได้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นจากผู้พนันนั้น จะสร้างความเสี่ยงให้กับ เจ้ามือ เป็นอย่างมาก

Binary Option นั้น เราไม่ได้สู้กับ เจ้ามือ แต่เราสู้กับตลาด ดังนั้นไม่ว่าคนกี่คนจะเข้าซื้อ Call หรือ Put เยอะ แค่ไหนก็ไม่มีผลกับ Broker เพราะไม่ได้สร้างความเสี่ยงอะไรให้กับ Broker เลยทั้งสิ้น








3) การเล่นโปรเกอร์ (Poker & Texas Hold'em)

การเล่นโปกเกอร์นั้น ถือว่า เป็นการฝึกทักษะอย่างนึก ในเรื่องของ การดูคน และ กลยุทธ์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการพนันในรูปแบบหนึ่ง 
ดังนั้นในการเล่นโปกเกอร์ กับการเทรด Binary Option นั้นค่อนข้างคล้ายกัน เราเปรียบเทียบ นักเล่นโปกเกอร์มืออาชีพ กับ นักเล่นมือสมัครเล่น คือ มืออาชีพจะสามารถยืนระยะได้ 

การเทรด Binary Option ก็เช่นกัน trader มืออาชีพจะสามารถทำกำไรในระยะยาวได้มากกว่า เมื่อเทียบกับ trader มือใหม่ซึ่ง แรกๆอาจจะทำกำไรได้เยอะๆ เนื่องจากเพราะดวงดีในช่วงแรกๆ แต่อาจจะล้างพอร์ต ได้ในเวลาอันสั้นเนื่องจากขาดทักษะ และ ความรู้ ในหลายๆอย่างในการเทรด

สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เราต้องเป็นมืออาชีพ ซึ่งต้องศึกษา หาความรู้ เทรดบ่อยๆ บริหารทุนให้ลงตัว มีกลยุทธ์ทำกำไรในรูปแบบตัวเอง และ ควบคุมจิตใจให้ได้เมื่อวันที่ไม่ดี มาถึง เป็นต้น

ถ้าเราสามารถเข้าใจตลาด และ รู้วิธีเล่นกับมัน การเทรด Binary Option จะสามารถทำเงินให้เราได้ อย่างที่เราไม่คาดคิดมาก่อน

ข้อแตกต่างระหว่าง ห้องโปกเกอร์ออนไลน์ กับ Binary Option Trading Platform

โปกเกอร์ กับ การเทรด Binary Option นั้น เหมือนกันตรงที่ว่า เราไม่ได้สู้กับ เจ้ามือ ในการเทรด Binary Option นั้น โบรคเกอร์ จะเก็บค่าธรรมเนียมการเทรด เพียงเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทต้องนำไปจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าการตลาด ค่าแรงพนักงาน เป็นต้น ดังนั้นจึงมีความจำเป็นมากที่เราจะต้องเลือกโบรคเกอร์ที่ ไว้ใจได้ และ มีประสิทธืภาพ เพื่อให้เงินลงทุน ของเรานั้นปลอดภัย

ในการเล่นโปกเกอร์ เราต้อง ศึกษานิสัย และ ลักษณะคนเป็นหลัก เพื่อที่เราจะได้รู้ รูปแบบการพนันของคนๆนั้น เมื่อเราสามารถจับทางคนๆนั้นได้ โอกาสที่เราจะเอาชนะนั้นย่อมมีมากขึ้น ดังนั้นในการเล่น โปกเกอร์ คน สำคัญ พอๆกับ หน้าไพ่ สำคัญที่สุดคือ เรื่องของอารมณ์ของคน จะส่งผลต่อทั้งตลาดทุน และ การเล่นโปกเกอร์


สรุป Binary Option คือการ พนัน หรือ ไม่?

ในการพนันนั้น ความเป็นไปได้ คือ 50%-50% ไม่มีข้อมูลในการอ้างอิงใดๆทั้งสิ้น ไม่มีกราฟ ไม่ข้อมูล คือ อาศัย ดวงล้วนๆ

แต่การเทรด Binary Option นั้น มีข้อมูลอ้างอิง มีการวิเคราะห์เชิงเทคนิค และ ปัจจัยพื้นฐาน มีกลยุทธ์ในการเทรด และ เอาชนะตลาด มันขึ้นอยู่กับว่า เราเติมความรู้ให้กับเรามากแค่ไหน ถ้าเรารู็ เข้าใจ และ ค้นพบวิธีการเทรดในรูปแบบของตัวเอง เราจะสามารถทำกำไรจากมันได้ และ ความเป็นไปได้ย่อมมีมากว่า 70% หรือ 80% แน่นอนครับ !!!

ดังนั้น ความรู้ เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้เราเทรด Binary Option ได้ประสบความสำเร็จ และ ทำกำไรได้ในระยะยาว ไม่ใช่ ระยะสั้นครับ





การใช้ Chart สำหรับการเทรด Binary Option



การใช้ Chart สำหรับการเทรด Binary Option

ในการเทรด ไบนารี่ออปชั่นนั้นการที่เราจะเทรดได้ประสบความสำเร็จนั้น มีัอยู่ 4 อย่างที่เราจะต้องรู้

1) Direction (ทิศทางของตลาด)
2) Point of Entry (จุดเข้าตลาด หรือ จุดเข้าเทรด)
3) Expiry Time (ระยะเวลาของสัญญา หรือ เวลาหมดอายุของสัญญา)
4) Money Management (การบริหารเงินหน้าตัก หรือ การบริหารทุน)

ซึ่งในเรื่อง ของ Money Management นั้นเราได้กล่าวกันไป คร่าวๆ สามารถกดดูได้จาก link ด้านล่างนี้เลยครับ

การบริหารเงินหน้าตักกับการเทรดไบน่ารี่ออปชั่น (Money Management in Binary Option)


ในส่วนนี้จะเป็นส่วนของ ข้อ 1-3 ซึ่งการที่เราจะหาทั้ง 3 อย่างนี้ได้นั้น เราต้องวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาได้เป็นอย่างดี อุปกรณ์ที่เราจะต้องใช้ กัน คือ Price Chart หรือ กราฟราคาสินทรัพย์ นั่นเอง
ใน Trading Platform ท่านอาจจะสังเกตุเห็น กราฟที่อยู่ตรงกลางจอ เช่น EUR/USD ในรูปแบบด้านล่างนี้นะครับ


!!!!!!!! ขอบอกเลยว่า กราฟนี้ไม่เพียงพอ ที่จะใช้วิเคราะห์ อย่างดังกล่าวได้เลยครับ !!!!!!!


โปรแกรมวิเคราะห์กราฟ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเทื่อเราสามารถดูและวิเคราะเป็ จะทำให้เราสามารถเข้าเทรดในเวลาที่เหมาะสม รายละเอียดการใช้งานและการวิเคราะห์ เราจะว่ากันต่อในครั้งหน้านะครับ

โปรแกรมวิเคราะห์ Chart ที่แนะนำ
  • Metatrader 4 หรือ Metatrader 5   (MacOS/PC)
  • JForex    (MacOS/PC)
  • Ctrader    (MacOS/PC)
  • www.tradingview.com
  • www.netdania.com






ซึ่ง Price Chart จะมีหน้าตาแบบนี้ครับ




เราสามารถใช้เครื่องมือในการตีเส้นในรูปแบบที่เราต้อง การวิเคราะห์เชิงเทคนิค ได้ทั้งหมด
เช่น

  • การหา แนวรับ แนวต้าน
  • การใช้ เส้นแนวโน้ม
  • การใช้ Indicator ต่างๆ เพื่อดูสัญญานการเข้าเทรด
ซึ่งเมื่อนำ สิ่งเหล่านี้มารวมกันแล้ว เราจะสามารถหาจุดเข้าเทรดได้ดังภาพด้านล่างเป็นต้น





ซึ่งมันจะทำให้เราหาจุดเข้าเทรดได้ ดังนั้นเราจึงมีโอกาสทำกำไรได้มาก ถ้าหากเราวิเคราะห์ได้และเข้าตลาดถูกทาง

ซึ่งใน ส่วนของการวิเคราะห์เชิงเทคนิคในแต่ละส่วนผมจะมาอธิบาย ในครั้งต่อๆไปนะครับ
















วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เรื่องของคู่เงิน Currency Pairs





เรื่องของคู่เงิน Currency Pairs


ในการเทรด Binary Option นั้น เราสามารถเทรดได้หลายอย่างมากไม่ว่าจะเป็น Stock Commodities Indicies และ Forex แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ที่นักเทรดไบนารี่ออปชั่น เน้นเทรดกันเป็นหลักเลย ก็คือ Forex หรือที่เรารู้จักกันว่า

Forex คืออะไร?


Forex (Foreign Exchange Market) เป็นตลาดในการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่างๆ ซึ่ง Forex เป็นตลาดที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลกกว่า 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งมากกว่าตลาดหุ้นทั้งโลกมารวมกัน
อย่างที่ได้เคยกล่าวไปในโพส "เราจะ Binary Options ตอนไหนดี?"  Forex นั้นสามารถเทรดได้ 24 ชั่วโมง 5 วัน
ดังนั้นจึงเป็นข้อดีในการเทรด ไบนารีออปชั่น เพราะเราจะเทรดได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

Currency คืออะไร?

Currency คือ สกุลเงินตราต่างประเทศ ในแต่ละประเทศจะมีสกุลเงินที่แตกต่างกันไป อย่างบ้านเรา ประเทศไทย คือ บาทไทย หรือ รู้จักันว่า (THB)

แต่สกุลเงินหลักๆที่ทำการซื้อขายในตลาด Forex นั้นก็จะมีอยู่ 7 สกุลเงินด้วยกันก็คือ

  • ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD =  US Dollars) 
  • ยูโร (EUR = Euro) 
  • ปอนด์ (GBP = Great Britian Pound) 
  • เยน (JPY = Japanese Yen) 
  • ดอลลาร์แคนาดา (CAD = Canadian Dollars) 
  • สวิสฟรังค์ (CHF = SwissFranc = Schweizer Franken )
  • ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (AUD = Australian Dollars)
  • ดอลล่าร์นิวซีแลนด์ (์NZD = NewZealand Dollars)


 Currency Pairs คืออะไร?

ในการเทรด Binary Option นั้น อย่างที่ได้กล่าวไปเบื้องต้นว่าสิ่งที่เราจะเทรดกันมากที่สุด คือ อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ซึ่งเวลาเทรด เราจะเลือกเทรดเป็นคู่เงิน ซึ่งเราจะเรียน คู่เงินแต่ละคู่ว่า Currency Pairs เช่น
  • EUR/USD
  • USD/JPY
  • AUD/USD
  • USD/THB
  • EUR/THB



ในการอธิบายเรื่องนี้เราจะเริ่มจากพื้นฐานง่ายๆก่อน โดยการให้ลืมเรื่องการเทรด ไบนารี่ออปชั่นไว้ก่อนไว้ก่อนชั่วคราว สมมุติว่าเราไปเที่ยว พักร้อน ที่ประเทศอเมริกา สิ่งที่เราจะต้องทำคือ แลกเงินจากสกุลเงินไทย (THB) ไปเป็น ดอลล่าสหรัฐ (USD)
 โดยเราจะสมมุติว่า อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างคู่เงินนี้ คือ 32.582



                                  USD / THB

                              32.582     
   


ความหมาย คือ เราต้่องใช้เงิน ฿32.582 ในการซื้อ $1  

ถ้าเราจะแปลงสกุลเงินจาก THB เป็น USD  เราก็สามารถ ทำได้ สมมุติว่าเราต้องการจะแลก $500

เราสามารถทำได้ด้วยการ $500 x ฿32.582 = ฿16,291 

คราวนี้สมมุติว่าเรากลับมาจากอเมริกา สมมุติว่าเราไม่ได้ใช้จ่ายเงินจำนวนนี้เลย แล้วเราต้องการที่จะแลก USD กลับมาเป็น THB เมื่อเราเดินทางมาถึงเมืองไทย อัตราแลกเปลี่ยนนั้นลดลงมาเป็น 31.572

(+) USD / THB (-)

 31.572  



เราสามารถทำได้ด้วยการ $500 x ฿31.572 = ฿15,786

ในสถานการ์ณนี้่ หมายความว่า ค่าเงิน ฿ นั้นอ่อนตัวลง (Weaken, Depreciate, Bearish, Dovish)
นั่นหมายความว่าเราไม่ได้ใช้เงินก้อนนี้ในวันหยุด แถมยัง ขาดทุน จากการไปพักผ่อนอีก เพราะเนื่องจากว่า ค่าเงิน ฿ นั้นอ่อนตัวลง และ ค่าเงิน $ นั้นแข็งขึ้น

ความหมายก็คือ เงินบาทไทยของเรา มีค่าน้อยลง เมื่อเทียบกับ เงินคดอลล่าสหรัฐ ฟัลงจากที่เรากลับบ้าน

ในทางกลับกันสมมุติว่าเรากลับมาจากอเมริกา และ ไม่ได้ใช้จ่ายเงินจำนวนนี้เลย แล้วเราต้องการที่จะแลก USD กลับมาเป็น THB เมื่อเราเดินทางมาถึงเมืองไทย อัตราแลกเปลี่ยนนั้นเพิ่มลงมาเป็น 34.572

  (-) USD / THB (+)

 34.572  



เราสามารถทำได้ด้วยการ $500 x ฿34.572 = ฿17,286

ในสถานการ์ณนี้่ หมายความว่า ค่าเงิน ฿ แข็งขึ้น (Strengthen, Appreciate, Bullish, Hawkish)
นั่นหมายความว่าเราไม่ได้ใช้เงินก้อนนี้ในวันหยุด แถมยัง กำไร จากการไปพักผ่อนอีก เพราะเนื่องจากว่า ค่าเงิน ฿ นั้นอ่อนแข็งขึ้น และ ค่าเงิน $ นั้นอ่อนลง

ความหมายก็คือ เงินบาทไทยของเรา มีค่ามากขึ้น เมื่อเทียบกับ เงินคดอลล่าสหรัฐ ฟัลงจากที่เรากลับบ้าน

จากทั้ง 2 เหตุการ์ณนี้ เราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า  ในคู่สกุลเงิน ระหว่าง 2 สกุลเงินงั้นจะสวนทางกันตลอดเวลา



ในตลาด Forex นั้นก็เป็นในรูปแบบเดียวกัน แต่เราจะเห็นค่าพวกนี้ในรูปแบบ กราฟ (Chart)



สกุลเงินที่อยู่ข้างหน้าจะเรียกว่า Base Currency และตัวหลังเรียกว่า Quote Currency

สมมุติว่า EUR/USD = 1.3970 หมายความว่า เราใช้ 1.3970 USD เพื่อแลก 1 EUR

ไม่ว่าจะเป็นคู่สกุลเงินไหนก็ตามก็จะเป็นในรูปแบบนี้ทั้งสิ้น

อีกเรื่องหนึ่งที่เราจะต้องเข้าใจ คือ เวลาที่เราซื้อขาย Forex นั้น จะเป็นการลงทุนว่า หนึ่งในสกุลเงินในคู่นั้น จะมีค่ามากขึ้น หรือ น้อยลง เมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง ในคู่นั้นๆ

ตัวอย่างตามรูป




การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex และ Binary Options เราจะเทรดกับ Currency Pair เป็นหลัก
ซึ่งจะมีคู่สกุลเงินหลัก (Major Currency Pairs) ที่เราจะเทรดกันเป็นหลักๆจะมีดังนี้

Major Currency Pairs




EUR/USD





GBP/USD





USD/CHF





USD/JPY




USD/CAD











AUD/USD



















Cross Currency Pairs

EUR/JPY


GBP/JPY


AUD/JPY


EUR/GBP


EUR/CHF


AUD/NZD







เวลาเทรด ไบนารี่ออปชั่น ผมแนะนำให้เทรดนักเทรดหน้าใหม่ไฟแรง เทรด Major Currency Pairs เป็นหลักด้วยเหตุผลดังนี้

1) มีคนเทรดเยอะ ดังนั้นจึงเป็น คู่เงินที่มีคนวิเคราะห์รายละเอียดไว้ให้เยอะ เพื่อประกอบการ          ตัดสินใจ

2) มีสภาพคล่องสูง จับแนวโน้มได้ง่าย

3) มีผลตอบแทน (Payout %) ที่ค่อนข้างดี ถ้าถูกทางมีโอกาสทำกำไรได้มากว่า Cross                 Currency Pairs

4) เวลาที่ข่าวเศรษฐกิจโลกออก คู่เงินเหล่านี้จะส่งผลกระทบ และ มีการเคลื่อนไหวก่อนเป็น            อันดับแรก ดังนั้นจึงง่ายต่อการตามแนวโน้ม